เทศน์เช้า

ผู้สืบข่าวธรรม

๑๖ ก.ค. ๒๕๔๒

 

ผู้สืบข่าวธรรม
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

เทศน์เช้า วันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒
ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ปฏิบัติธรรมอย่างไร? ตั้งใจปฏิบัติธรรม จะปฏิบัติธรรมแล้วไม่ให้หลงน่ะ “ท่านอาจารย์ ให้แนะนำทางที่ว่าปฏิบัติแล้วไม่หลง”

เราก็ถามว่า “ปฏิบัติอย่างไร? เธอปฏิบัติอย่างไร?”

“ปฏิบัติอยู่แล้ว ปฏิบัติโดยทุกอย่างเคลื่อนไหวรู้หมด ตามรู้หมดเลย แล้วจะปล่อยวางว่างหมด กระทบรู้ ยืน เดิน นั่ง นอน กระทบสิ่งใดจะรู้ แล้วว่างหมดเลย ไม่เคยเป็นอย่างนี้ ปฏิบัติธรรมมา ศึกษาธรรมะมา ไปหาครูบาอาจารย์มายังไม่เคยทำ ตั้งใจทำ ๑๐ กว่าวัน อะไรเข้ามากระทบจะปล่อยวางหมดเลย ว่างหมดเลย แล้วจะได้ผลมาก แต่เดิมไม่เคยตามความคิดตัวเองทัน เดี๋ยวนี้ตามความคิดตัวเองทันนะ แล้วปล่อยว่างหมด ดีมากเลย ปฏิบัติดีมาก แต่เวลามันมีขึ้นมานะ เวลาสิ่งที่กระทบมาแรงๆ มันจะไหวอยู่บ้าง แต่ก็ยังทันอยู่ เมื่อก่อนไม่เคยเป็นอย่างนี้เลย ปฏิบัติตาม สิ่งใดกระทบตามรู้ตามเห็น ดีมากเลย”

เพียงแต่ว่าแล้วพอปฏิบัติไปเพื่อนเขาเตือน เพราะเพื่อนเขาก็ปฏิบัติอยู่ที่นี่สำนักเดียวกัน อยู่ทางใต้ บอกว่าเขาปฏิบัติกับอาจารย์องค์นี้มา ๑๐ กว่าปี แล้วทำเขาหลังหักไง บอกตีงูหลังหัก พอตีงูหลังหักแล้วทำให้เขาเขวไปเลย แล้วคนนี้เขาฟังแล้วเขาแปลกใจ เพราะเพื่อนคนนี้พยายามเตือนเขาตลอดเวลาว่านี่มันจะหลังหัก มันจะหลังหัก แต่เขาบอกว่าเขาได้ประโยชน์มาก ถึงลังเลใจมาถามเราไง มาถามว่าปฏิบัติอย่างไร?

เราบอกถ้ามันปล่อยวางได้จริง ว่างไหม? ถ้าว่างก็ดี แต่เราบอกว่าอย่างไรขอให้กลับไปทำสมาธิด้วย ทำความสงบด้วย เอ๊อะเลยนะ ค้านเลย บอกว่าทำความสงบ เพราะไม่ทำความสงบ เพราะนี่มันวิปัสสนาแล้ว ยกขึ้นวิปัสสนาแล้ว พิจารณาไปแล้ว ว่างหมดเลย ว่างหมดเลย เราบอกว่าว่างอย่างไรก็แล้วแต่มันจะมีเราอยู่ด้วย เห็นไหม ไอ้ที่มันไหวๆ อยู่นี่เพราะมันเป็นเรา เรามันว่างอยู่เลย ถ้าเรานี่เรามีอยู่ ทำสมาธิเพื่อจะลดระยะห่างให้เราออกไป ไอ้ที่ไหวๆ ในใจตัวเองจะไม่มี มันจะน้อยลง

ถ้ามีเรา คือว่าเราเข้าไปคิด เราเข้าไปเห็นมันเป็นโลกียะ เป็นความคิดปกตินี่แหละ บอกว่าให้กลับมาทำสมาธิบ้าง เพราะอะไร? เพราะเขาไม่เห็นคุณค่าของการทำสมาธิเลย เราถึงบอกว่าต้องทำความสงบก่อน ถ้าทำความสงบบ้างนะ ไอ้ที่พิจารณาอย่างนั้นเห็นด้วย เห็นไหม พื้นฐานเริ่มต้นเห็นด้วย เห็นด้วยเลยเพราะว่าอะไร? เพราะว่ามันเป็นการภาวนาแบบผู้สืบข่าว ผู้สืบข่าวไง เราบอกผู้สืบข่าว แต่คนมันไม่เห็นความเป็นผู้สืบข่าว

ผู้สืบข่าวนี่ไปสืบข่าวตามที่ต่างๆ จะเห็นเลย เห็นภาพทุกอย่างพร้อม ผู้สืบข่าว แต่ผู้สืบข่าวไปเห็นผู้สืบข่าว เรารู้ว่าผู้สืบข่าวเป็นผู้สืบข่าว แต่นี่มันตามความเห็น ความว่าง ตามเห็นมาอยู่แล้ว แต่มันไม่เคยเห็นตามความว่าง แล้วนี่มันเห็นว่าเป็นประโยชน์ ประโยชน์ตรงไหนล่ะ? แต่ก่อนไม่เคยเห็นเลย เหมือนกับเราอยู่ในบ้าน เราไม่เคยรู้ข่าวสารเลยเราก็ยังปกติ พอเรารู้ข่าวสารแล้วโลกทัศน์เราจะกว้างมาก เราจะรู้เลยข่าวสาร เราจะรู้ว่าสิ่งใดเกิดขึ้น เราเป็นคนที่รู้เท่ารู้ทันสังคมไง

นี่ก็เหมือนกัน พอรู้เท่ารู้ทันอารมณ์ตัวเอง เห็นไหม ว่าง เขาว่าว่างหมดเลย ดีมากเลย ว่างหมดเลย ว่างหมดเลย ดีหมดเลยเพราะอะไร? เพราะจากคนที่ไม่รู้เรื่องต่างๆ ศีลธรรมก็จำมาเฉยๆ แต่ไปรู้ร่องรอยไง นี่การปฏิบัติทางนี้เป็นได้ เราถึงบอกว่าเป็นปัญญาอบรมสมาธิ เราก็ใช้ว่าปัญญาอบรมสมาธิอีกแหละครึ่งหนึ่ง คือว่ามันทำให้เรารู้เท่าแล้วปล่อยวางๆๆ เป็นปัญญาอบรมสมาธิ

อบรมสมาธิ ฟังสิ ทำให้จิตเป็นสมาธิ ไม่ใช่สมาธิอบรมปัญญา ถึงบอกว่าอันนี้ฆ่ากิเลสไม่ได้ แต่เขาบอกว่าเขาเป็นประโยชน์ เราบอกเป็นประโยชน์ เห็นไหม เป็นประโยชน์ที่ว่าเป็นศีลธรรมจริยธรรมไง คนเรานี่เป็นปุถุชนหนาด้วยกิเลส มันก็จะวิ่งไปตามโลกเขา แล้วคนถ้ามีศีลธรรมทำไมจะเป็นคนไม่ดี เป็นคนดีสิ เป็นคนดี คนดีไม่ชำระกิเลส ความดีนั้นไม่ชำระกิเลส

ดูอย่างผู้สืบข่าว ผู้สืบข่าว ผู้สืบข่าวมีทั้งดีและไม่ดี ผู้สืบข่าวที่ดีเขาจะเสนอข่าวตามข้อเท็จจริง ผู้ที่ไม่ดีเขียนข่าวแล้วเต้าข่าว เขียนข่าวแล้วเอาความเห็นตัวเองเข้าไปด้วย แล้วผู้สืบข่าว สื่อข่าวเข้าไปเรื่อยๆ นี่มีพื้นฐานจนมีอิทธิพล จนมีอิทธิพลไปครอบงำใครก็ได้ จะเอาปากกานี้เขียนว่าใครก็ได้

ทีนี้กิเลสก็เหมือนกัน กิเลสมันอยู่ในผู้สืบข่าวนั้น กิเลสนี่เหมือนกับสิ่งที่ว่าทำให้เราผิดพลาดไง พอสืบข่าวไปๆ มันก็คาดหมายไป ความคาดความหมายนี่เหมือนกับกิเลส คือเหมือนกับเป็นผู้สืบข่าวแล้วก็ให้ค่าไง เริ่มเต้าข่าวไปเรื่อยๆ เต้าข่าวไปเรื่อยๆ คือเขียนข่าว เพิ่มข่าว ทำข่าวให้ผิดไป นี่ผู้สืบข่าว แต่เพราะไม่มีความสงบ ความสงบจะมาระงับไอ้ตัวนี้ไง ไอ้ตัวที่ว่าไปตีค่าเกินความจริง ถ้ามันไม่ตีค่าตามความเป็นจริงมันเป็นปัญญาอบรมสมาธิ มันได้แค่นั้นแหละ มันเป็นปัญญาอบรมสมาธิ

นี่ถ้าผู้สืบข่าว ผู้สืบข่าวดีมันก็ได้แค่นั้น มันไม่ชำระกิเลส เห็นไหม ถึงบอกว่าให้กลับมาทำความสงบบ้าง เขาไม่ยอม

เขาบอก นี่แล้วถ้าหลงล่ะ? จะหลงไหม? อย่างนี้จะหลงไหม?

เราบอกว่าไม่หลงหรอก ถ้าพูดถึงภาวนาไปแล้วมาหาเรา เราจะคอยแก้ให้เรื่อยๆ เพราะว่าเขายึดมั่นในทางนี้ไง เขาว่าได้ประโยชน์ไง ทีนี้กำหนดพุทโธ พุทโธ พุทโธมันทำยาก มันทำแล้วมันไม่เห็นผล แต่ถ้ามันเห็นผลขึ้นมามันเป็นการชำระกิเลส โลกียะกับโลกุตตระไง

ถ้าโลกียะนี่เอาธรรมะ เราว่าดึงให้ธรรมะต่ำลงมาหน่อยหนึ่ง เป็นโลกียะ เป็นการปฏิบัติกันธรรมดา เป็นปัญญาอบรมสมาธิไง ปัญญาอบรมสมาธิก็ทำให้คนอยู่ในศีลธรรมจริยธรรม ว่างหมด เขาว่าว่างหมดนะ ว่างหมดแล้วดีมากด้วย เขาภูมิใจมากเลย แต่มันเอะใจตรงเพื่อนเขาเตือนมาก เพื่อนเขาเตือนเองบอกว่านี่เขาปฏิบัติกับคนนี้มา ๑๐ กว่าปี แล้วตีงูหลังหัก คำว่าตีงูหลังหักคือว่ากิเลสมันไม่ตายไง ตีงูหลังหักคือว่างเฉยๆ ไง แล้วเดี๋ยวนี้เขาเป๋ไปแล้ว แต่เขาไม่ยอมบอกว่าเป๋อย่างไรให้มาหาเรา

เราถึงบอกตรงนี้ไง ให้กลับมาที่ทำความสงบบ้าง ถ้าทำความสงบ ถ้ามีความสงบมันเป็นผู้สืบข่าวจริง ถ้าไม่ทำความสงบบ้างนะ ประเดี๋ยวผู้สืบข่าวพอมีอิทธิพลขึ้นมา ผู้สืบข่าวมีอำนาจขึ้นมามันก็จะเป็นนั่นไป เห็นไหม นี่ผู้สืบข่าว ทำแบบผู้สืบข่าว ไม่ใช่ทำเป็นปัจจุบันตามความเป็นจริงไง ถึงต้องขอให้กลับมาทำความสงบ ขอให้กลับมาทำความสงบก่อน ทำความสงบบ้าง ว่าอย่างนั้นเลยนะ ให้ทำความสงบบ้าง เพราะเขายึดมั่นอย่างนั้น เพราะว่าเขาได้ประโยชน์ เขาได้ประโยชน์ เขาบอกมันว่างจริงๆ

ว่างสิ ปุถุชนต้องทำให้มันปล่อยรูป รส กลิ่น ว่าเป็นกัลยาณปุถุชน ผู้ที่เป็นกัลยาณปุถุชนนี้ถึงจะเป็นผู้ที่เดินอริยมรรคไง นี่โสดาปัตติมรรคไง เดินอริยมรรคจะเดินได้อย่างไร? จะเดินอริยมรรค เพราะมันต้องมีเหตุผลถึงจะเดินได้ นี่เป็นกัลยาณปุถุชน พอว่างแล้วนี่ตัดรูป รส กลิ่น เสียงหมด บ่วงของมารไม่สามารถดึงเราไปฟุ้งซ่านในสามโลกธาตุได้ มันว่างสงบตัวเอง นี่เป็นกัลยาณปุถุชน

กัลยาณปุถุชนจะเดินอริยมรรคมันต้องมีเหตุและมีผล ต้องมีเหตุและมีผล มีปัญญาเข้าไปใคร่ครวญ ถ้าไม่มีเหตุ จับเหตุอย่างไร? นี่การจับเหตุถึงว่าต้องยกขึ้นหากาย เวทนา จิต ธรรม อันเดียว! จิตหรือกายได้หมด แต่อันเดียว อันเดียวพอ ไม่ต้องหาทั้ง ๔ หาอันเดียว เพราะสะเทือนถึงกันหมด มันสะเทือนถึงกันหมด นี่พอจับตรงนี้ได้ถึงว่ายกขึ้นวิปัสสนาไง ยกขึ้นวิปัสสนาก็เดินโสดาปัตติมรรคไง

โสดาปัตติมรรคนี่กัลยาณปุถุชน ถ้าปุถุชนเดินไม่ได้ ถ้าปุถุชน คิดขนาดไหนมันก็เป็นโลกไง เป็นโลกียะไง แต่ถ้าว่างแล้วนี่ปัญญาอบรมสมาธิ สมาธิเป็นพื้นฐาน เป็นกัลยาณปุถุชน ว่างขนาดไหนก็เป็นกัลยาณปุถุชน เพราะว่าเขาว่างขนาดไหนเขาก็ไม่มีเหตุมีผลว่าละสังโยชน์ได้ตรงไหน? ว่างเฉยๆ ว่างเข้าไปเรื่อยๆ ว่างเข้าไปเรื่อยๆ ว่างอยู่อย่างนั้น นี่ผู้สืบข่าวเพราะอะไร? เพราะตามเห็นนี่ ตามเห็นเขาๆ ไม่ใช่ว่าเป็นผู้ที่เกิดขึ้นเอง

ผู้สืบข่าว เห็นไหม บางทีผู้สืบข่าวก็เป็นตัวข่าวซะเอง เพราะผู้สืบข่าวมีปัญหากันก็เอาไปลงข่าว ผู้สืบข่าวมีปัญหาซะเอง ก็นี่ผู้สืบข่าวเห็นเข้าไป เห็นกัน เป็นผู้สืบข่าวด้วย แล้วตัวเองเป็นตัวข่าวด้วย นี่ถ้าเป็นตัวข่าว เราเป็นตัวข่าว เราเป็นต้นเหตุ เราเกิดเหตุรถชน เราเป็นคนชนเองเราจะบอกว่ารถชนอย่างนั้นๆ แต่ถ้าเราไปดูคนอื่นรถชนนะเราสืบข่าว

นี่ก็เหมือนกัน ถ้ามันจะเห็นตามความเป็นจริง มันต้องเห็นเป็นปัจจุบัน เห็นไปว่าไอ้ตัวตนของที่ว่าเราๆ นี่ผู้สืบข่าวกับตัวข่าว ตัวข่าว ผู้เป็นข่าวนั้นต่างหากถึงจะเป็นผู้เกิดเรื่องจริง คนที่เกิดเรื่องจริงมีส่วนได้ส่วนเสียกันในอุบัติเหตุนั้นที่รถชน ต้องเสียหาย เสียทรัพย์ ถึงตัวเองบาดเจ็บ ความบาดเจ็บมันกระเทือนถึงหัวใจ ผู้สืบข่าวไปเห็นมันก็สลดสังเวชอยู่

เวลาไปเห็นใช่ไหม? ก็ว่าโอ้โฮ น่าสงสารเนาะ คนๆ นี้ถูกต้องเลย ขับรถมาดีทำไมคนมาชน? แต่เราก็ไม่ซึ้งใจเหมือนกับเราโดนชนหรอก เพราะเป็นผู้สืบข่าว นี่ก็เหมือนกัน ผู้สืบข่าวกับผู้ที่เป็นข่าว ผู้ที่เป็นข่าวนั้นถึงจะมีส่วนได้เสียตรงนั้น ผู้สืบข่าวมีแต่ได้ประโยชน์ เพราะว่าสืบข่าวแล้วเอาข่าวนั้นไปส่งสำนักพิมพ์ได้ตังค์ไง

นี่ก็เหมือนกัน หมุนตามไปๆ แล้วไอ้ตัวเราว่าไม่ทำสมาธิเลย เราว่าเราทำภาวนา เราว่าง เราว่าง ไอ้เรานี่ยิ้มอยู่ตลอดเวลาเลย นี่กิเลสมันอ้วนท้วนแข็งแรงเลย แล้วยังมีทิฐิมานะเกิดขึ้นมานะ ฉันเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรม ฉันอยู่ในศีลธรรม เห็นไหม นี่ธรรมแบบผู้สืบข่าว ผู้สืบข่าว นี่ธรรมะอย่างนี้ถึงว่าผู้สืบข่าวเลย

นี่เขาถามว่าแล้วจะหลงหรือไม่หลง? ห่วงว่าตัวเองจะหลง จริงๆ แล้วตัวเองก็สงสัยอยู่ แล้วก็มีผู้มีผิดพลาดมาบอก บอกทำมา ๑๐ กว่าปีเป็นอย่างนี้ แล้วตีงูหลังหัก คือว่ามันไม่สมุจเฉทปหาน มันไม่สมุจเฉทมันก็ตีงูแค่หลังหักไง พอตีงูหลังหักมันก็กลับมาๆ กลับมาแล้วเขาก็เป๋ไป คือว่าหมดกำลังใจไป เสียเวลามาตั้งนาน เพราะว่ามันไม่มีตรงที่สมุจเฉทปหานไง

ตทังคปหานนี่รู้เท่าทัน ว่างๆๆ อยู่อย่างนั้นแหละ แต่ถ้าเป็นธรรมไม่เป็น เพราะมันปฏิบัติขึ้นมา ตามรู้ตามเห็น ความว่าง เห็นไหม การกระทบรู้เท่ารู้ทันตลอด เป็นธรรมไหม? เป็น แต่เป็นปัญญาอบรมสมาธิ เป็นปัญญาอบรมสมาธิ แล้วสมาธิยกขึ้นวิปัสสนานี่ มันไม่เป็นกันแล้วทำอย่างไร? ถ้าไม่เป็นกันมันก็อย่างที่ว่าตีงูหลังหักนั่นแหละ

เขามาถามเองนะ เขาสงสัยเอง แล้วเขาก็ถามของเขาเอง นั่นแหละถึงว่าต้องให้มัน..

(เทปสิ้นสุดเพียงเท่านี้)